ข่าวสารสำหรับผู้ถือหุ้น

APO เปิดเทรดวันแรก 1.74 บาท เหนือจอง 75.76%

APO เปิดเทรดวันแรก 1.74 บาท เหนือจอง 75.76%

แชร์

APO เปิดการซื้อขายวันแรกในตลาด mai ที่ราคา 1.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 75.76% จากราคาไอพีโอ ที่ 0.99 บาท



บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) เป็นวันแรก ที่ราคา 1.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 75.76%


บริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขาย 170 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ขณะที่ราคาเสนอขายไอพีโอในราคาหุ้นละ 0.99 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 99 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ จำนวน 336.60 ล้านบาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


โดยการระดมทุนครั้งนี้บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรในกระบวนการผลิต เปลี่ยนจากหม้อนึ่งแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อการลดขั้นตอน ระยะเวลา แรงงาน และลดต้นทุนในการผลิต คาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและพร้อมดำเนินงานได้ภายในปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันปาล์มดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ


นายสิทธิภาส อุดมผลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียนน้ำมันปาล์ม (APO) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจจากผลิตภัณฑ์การเกษตรแบบบูรณาการและยั่งยืน โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนทุกขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมไปถึงการมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะชุมชนในท้องถิ่น สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทจะนำไปลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท


สำหรับทิศทางการดำเนินงานปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% และมีความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้น อีกทั้งบริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้ามากขึ้น ทั้งในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค โรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบ กลุ่มจัดหาและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ (Trader) และฐานลูกค้าเดิมที่จะทำสัญญาซื้อขายระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต


บริษัทจึงระดมทุนปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต เปลี่ยนเครื่องจักรหม้อนึ่งจากแนวนอนเป็นแนวตั้ง เพื่อให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพดี และลดต้นทุนในระบบผลิต คาดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จพร้อมดำเนินงานได้ภายในปี 2568 ซึ่งบริษัทวางกลยุทธ์การผลิตน้ำมันปาล์มดิบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สภาพอากาศ และภาวะเศรษฐกิจอยู่เสมอ


ในปี 2566 บริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เฉลี่ยอยู่ที่ 53.86% ปริมาณทะลายปาล์มสดที่เข้าสู่กระบวนการผลิต 232,655 ตัน  โดยบริษัทมีกำลังการผลิตสูงสุด (Maximum Capacity) อยู่ที่ 432,000 ตัน นอกจากนี้การปรับปรุงดังกล่าวยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่เงินระดมทุนที่เหลือจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ


ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสทางธุรกิจทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ตั้งแต่ด้านการจัดหาวัตถุดิบ การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ปาล์มที่ให้ผลผลิตคุณภาพสูง การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตให้หลากหลาย เช่น การต่อยอดธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ การผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต


ด้านธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัทได้เพิ่มเครื่องจักรในช่วงไตรมาส 3/66 เพื่อให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าต่อหน่วยได้มากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2567 จะเป็นปีแรกที่บริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลังการผลิต 1 เมกะวัตต์ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าเป็นธุรกิจไม่มีต้นทุนวัตถุดิบ เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้มาจากกระบวนการบำบัดน้ำเสียก่อให้เกิดก๊าซชีวภาพนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงโดยในปี 2566 มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 42.55%


APO ประกอบธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบเพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเป็นส่วนใหญ่ มีโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มีกำลังการผลิตที่ 60 ตันทะลายปาล์มสดต่อชั่วโมง โดยบริษัทริเริ่มโครงการ ตัดสุก มีสุข ปาล์มดีมีคุณภาพ หรือเรียกว่า Asian Plus+ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรคู่ค้าทะลายปาล์มสด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในการตัดทะลายปาล์มสดที่มีคุณภาพ เพื่ออัตราในการสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่เพิ่มขึ้น


นอกจากนี้ยังผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่ได้จากกระบวนการบำบัดน้ำเสีย และได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในปี 2547 ประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ในปริมาณพลังงานไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 1 เมกะวัตต์ รายได้ในปี 2566 แบ่งตามประเภทธุรกิจ คือ 1) ธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มดิบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลักจากการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ และผลพลอยได้ 99.46% 2) รายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า 0.54%


ที่มา : moneyandbanking https://moneyandbanking.co.th/2024/99922/

การสร้างความได้เปรียบใน
ห่วงโซ่คุณค่าแบบบูรณาการ

เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถ
ในการแข่งขันของบริษัททั้งในด้านราคาและคุณภาพ

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง

Optimized by Optimole